기사한줄요약
게시물 내용
บทความต่อไปนี้เป็นเนื้อหาเกี่ยวกับการนำเสนอโดยคุณพัค
มีฮยาง ซึ่งเป็นชาวจีน ที่นำเสนอเรื่องราวของเธอในการปรับตัวให้เข้ากับเกาหลี สำหรับผู้หญิงย้ายถิ่นจากการสมรสที่งาน
“วันคืนสู่เหย้าของครอบครัวกุนโพ” ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 5 พฤศจิกายนที่ผ่านมา จะแนะนำให้ท่านได้รู้
จักบทความที่แสดงให้เห็นชีวิตและความสุข รวมทั้งความหวังสำหรับอนาคตของผู้หญิงย้ายถิ่นจากการสมรสซึ่งมีปัญหาในการปรับตัวให้เข้า
กับชีวิตในเกาหลี <รูปภาพ = Papaya Story>
จีน,
ญี่ปุ่น, เกาหลี
ดิฉันชื่อ
พัค มีฮยาง และดิฉันมาจากเสิ่นหยาง ประเทศจีน เป็นเวลา 11 ปีแล้วที่ดิฉันมาเกาหลี และกำลังเข้าสู่ปีที่
10 ของการแต่งงาน ดิฉันเป็นชนกลุ่มน้อยชาวโชซ็อนในประเทศจีน ตั้งแต่เด็กดิฉันเข้าเรียนในโรงเรียนประถม,
มัธยมต้น, และมัธยมปลายของชาวโชซ็อน มหาวิทยาลัยจบการศึกษาจากโรงเรียนในมณฑลซานตง
ดิฉันเรียนเอกภาษาญี่ปุ่นตอนเรียนมหาวิทยาลัยและไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่นทันทีหลังจากสำเร็จการศึกษา
ดิฉันเรียนเอกภาษาญี่ปุ่นที่บัณฑิต วิทยาลัยของญี่ปุ่น หลังจากเรียนที่มหาวิทยาลัยในญี่ปุ่นเป็นเวลา
4 ปี ดิฉันทำงานพาร์ทไทม์หลายอย่าง ดิฉันจ่ายค่าครองชีพ, ค่าเล่าเรียน, และค่าเรียนต่อต่างประเทศด้วยตัวเอง
แม้ว่าจะลำบากแต่ก็สนุกมากๆ และเป็นช่วงที่ดิฉันเติบโตมากที่สุด
การพบกันกับสามี
ในปี
2011 ดิฉันติดต่อกับสามีคนปัจจุบันผ่านทางอีเมลโดยการแนะนำของเพื่อนคนหนึ่งในประเทศจีน
ในเดือนพฤษภาคม ปี 2011 ดิฉันได้พบกับสามีที่มาญี่ปุ่นเพื่อเที่ยวชมเมืองนาโกย่าเป็นครั้งแรก
เราไปเที่ยวด้วยกันแบบเพื่อน 3 คืน 4 วัน ดิฉันตกหลุมรักตั้งแต่ แรกเห็นเพราะสามีของดิฉันอยู่ด้วยแล้วสบายใจในตอนนั้น
วันที่สามีกลับเกาหลี ดิฉันร้องไห้หนักมากเพราะเสียใจมาก
หลังจากนั้น
ดิฉันกับสามีก็เริ่มความสัมพันธ์ทางไกล โดยเดินทางไปมาระหว่างเกาหลีและญี่ปุ่น ตอนนั้นดิฉันมีความสุขจริงๆ
แต่ไม่มีใครอวยพรให้ดิฉันและสามีเลย
สถานการณ์ของสามี เช่น การศึกษาและความมั่งคั่งไม่ค่อยดีนัก ดิฉันรู้สึกสบายใจและมีความสุข
เมื่อสามีอยู่ด้วยไม่ว่าจะมีเงื่อนไขอะไร ดังนั้นหลังจากคบกันได้ 6 เดือน ดิฉันจึงสละชีวิตในญี่ปุ่นและมาเกาหลี
ในช่วง
9 ปี ของการแต่งงาน สามีของดิฉันเรียนจบมหาวิทยาลัยในขณะที่ทำงานให้กับบริษัท และเงินเดือนของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ตอนนี้เรามีบ้านและมีลูกชายที่แข็งแรงและน่ารัก
ชีวิตในเกาหลี
ดิฉันเรียนภาษาเกาหลีที่จีนตั้งแต่เด็ก
ดังนั้นดิฉันจึงคิดว่าชีวิตในเกาหลีจะไม่ลำบากอะไร แต่เมื่อใช้ชีวิตจริงๆมันไม่ใช่เลย
ใช้เวลานานและ ปรับตัวได้ยากเพราะภาษาและวัฒนธรรมแตกต่างกันมาก
ก่อนอื่น
ดิฉันรู้สึกได้ถึงอุปสรรคทางภาษา แม้ว่าดิฉันจะคุ้นเคยกับภาษาเกาหลีตั้งแต่ยังเป็นเด็ก
แต่เนื่องจากดิฉันไม่ได้ใช้ภาษาเกาหลี ในชีวิตประจำวัน ดิฉันจึงไม่ค่อยเก่งด้านสำเนียง,
การเลือกภาษา, และการแสดงออก ตั้งแต่ดิฉันอาศัยอยู่ที่ญี่ปุ่น เมื่อดิฉันพยายามจะพูด
ภาษาญี่ปุ่นหรือภาษาจีนก็ออกมาจากปากก่อน ในบางครั้งชาวเกาหลีถามดิฉันว่ามาจากญี่ปุ่นหรือเกาหลีเหนือ
ดิฉันอายทุกครั้งที่พูดเกาหลี แต่เมื่อดิฉันเห็นผู้คน ดิฉันก็พยายามพูดต่อไป และก็เรียนภาษาเกาหลีไปพร้อมกับการดูข่าว
เป็นผลให้ภาษาเกาหลีของดิฉันค่อยๆดีขึ้น
ความว่างเปล่าและความเสียดาย
ในเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว
ดิฉันลาออกจากบริษัทที่เคยทำงานมา 9 ปี และลาพักงาน 1 ปี หลังจากลาพักร้อนไป 1 ปี ลองมองย้อนกลับไป
11 ปีที่ผ่านมาในชีวิต ดิฉันก็เหลือแต่ความเสียดายและความว่างเปล่า เป็นเพียงว่าไม่มีความฝันสำหรับดิฉัน
ตอนนี้ดิฉันกำลังพยายาม ทำความรู้จักว่าตัวเองเป็นใครและกำลังเริ่มมองหาสิ่งที่ดิฉันอยากทำจริงๆ
ณ เวลานี้ของปีที่แล้ว ดิฉันไม่มีความฝัน 1 ปีผ่านไปและตอนนี้ดิฉัน มี 5 ความฝัน เมื่อดิฉันคิดถึงความฝันใหม่นี้
ดิฉันรู้สึกมีความสุขและหัวใจเต้นแรง
5 ความฝันของฉัน
เนื่องจากโควิด
ดิฉันจึงเริ่มการปีนเขากับลูกชายตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ตั้งแต่ปีที่แล้วดิฉันได้ปีนเขาขึ้นไปทั้งหมด
27 ครั้ง จนถึงตอนนี้ มันสนุกและมีความสุขจริงๆ ที่ได้พูดคุยกับลูกชายขณะเดินป่า ในขณะที่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของภูเขาใน
4 ฤดูกาลของปี แม้ว่าดิฉันจะเป็นคุณย่า ดิฉันสัญญาว่าจะปีนเขา 100 ครั้ง 1000 ครั้งกับลูกชาย
การปีนเขาได้กลายเป็นงานอดิเรกและความฝันร่วมกัน สำหรับดิฉันและลูกชาย
เวลาดิฉันไปปีนเขาหรือออกไปเที่ยวดิฉันชอบถ่ายรูป
ดิฉันถ่ายรูปเยอะมากดังนั้นรูปภาพจึงสนุก และรู้สึกภูมิใจมากเมื่อมีภาพชีวิตของออกมา
ดิฉันต้องการซื้อกล้องมือสองในปีหน้าและพยายามจะเป็นช่างภาพมืออาชีพในอนาคต ดิฉันต้องการทำอัลบั้มแห่งความทรงจำอันล้ำค่าโดยใช้
ชีวิตประจำวันของลูกชายและครอบครัว
นอกจากนี้
ในปีนี้ ดิฉันได้รับการแนะนำให้รู้จักกับจิตวิทยาด้วยการเข้าร่วมกิจกรรมการเล่นบำบัดที่ศูนย์รับเลี้ยงเด็ก
เมื่อดิฉันเข้าสู่จิตวิทยา ดิฉันพบว่าดิฉันมีความนับถือตนเองต่ำและรู้สึกหดหู่เล็กน้อย
ดังนั้นดิฉันจึงเริ่มรับการรักษาและรับคำปรึกษาโรคซึมเศร้า
นอกจากนี้ยังมีการรับคำปรึกษาคู่รัก
ดิฉันได้รู้จักหัวใจที่เจ็บปวดของสามีผ่านการให้คำปรึกษาในชีวิตสมรส และดิฉันก็มีกล้ามเนื้อหัวใจ
ที่เพิ่มขึ้น ทำให้ชีวิตแต่งงานในปัจจุบันของดิฉันดีขึ้น ดิฉันอยากเป็นนักบำบัดการให้คำปรึกษาสำหรับครอบครัวโดยการเรียนจิตวิทยา
ในอนาคต
ดิฉันยังชอบเขียน
ในอนาคตดิฉันอยากจะเขียนเกี่ยวกับการปีนเขากับลูกชาย, ขั้นตอนการเป็นช่างภาพ, ขั้นตอนการเป็นที่ปรึกษาทาง
จิตวิทยา และความฝันของดิฉันคือทำหนังสือของตัวเองก่อนอายุ 60 ปี
เมื่อ
2 ปีที่แล้ว ดิฉันเรียนการเขียนโค้ดด้วยตัวเอง หลังจากเขียนโค้ดแล้ว ดิฉันต้องการสร้างเว็บไซต์ให้ลูกชาย
ในเว็บไซต์นั้นดิฉันต้องการ บันทึกการเติบโตของลูกชายด้วยรูปถ่ายที่สวยงามและบทความ
“เหนื่อยมามาก ลำบากมามาก”
ดิฉันอาศัยอยู่ในเกาหลีค่อนข้างดุเดือดมา
11 ปีแล้ว จากนี้ไปดิฉันอยากใช้ชีวิตที่เหลือด้วยการพักผ่อนบ้างเพื่อความสุขของตัวเอง
และสุดท้ายสำหรับดิฉัน “มีฮยาง เธอเหนื่อยมามากเพื่อปรับตัวให้เข้ากับชีวิตในเกาหลี
ลำบากมามากแล้วขอบคุณนะ” ดิฉันอยากจะพูด ตลอดชีวิตที่เหลือ ดิฉันจะพยายามใช้ชีวิตตามความฝันเล็กๆ
ทีละอย่างๆ และใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ขอบคุณค่ะ
댓글
0