ยกเลิกกระทรวงความเท่าเทียมทางเพศสตรีและครอบครัว, นโยบายครอบครัวพหุวัฒนธรรมไปที่ไหน?

ยกเลิกกระทรวงความเท่าเทียมทางเพศสตรีและครอบครัว, แล้วนโยบายพหุวัฒนธรรมหล่ะ?

รัฐบาลได้ยืนยันแผนการที่จะจัดระเบียบองค์กรของรัฐบาลใหม่โดยมีเป้าหมายหลักในการยกเลิกกระทรวงความเท่าเทียมทางเพศสตรีและ

ครอบครัว พร้อมทั้งการจัดตั้งสำนักงานของชาวเกาหลีโพ้นทะเล <รูปภาพ=กระทรวงความมั่นคงและการบริหารรัฐกิจ>

กระทรวงความมั่นคงและการบริหารรัฐกิจได้จัดบรรยายสรุปที่ศูนย์ราชการในกรุงโซลเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม และประกาศแผนการปรับโครงสร้าง องค์กรของรัฐบาล

สาระสำคัญของการประกาศในวันนี้คือ กระทรวงความเท่าเทียมทางเพศสตรีและครอบครัวจะถูกยกเลิก และงานหลักของเยาวชนและ ครอบครัว, พหุวัฒนธรรม, นโยบายของผู้หญิงจะถูกโอนไปยังกระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการ

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ได้มีการตัดสินใจจัดตั้ง “สำนักงานใหญ่ความเท่าเทียมทางเพศของประชากรและครอบครัว” ซึ่งเป็นองค์กรที่ดูแลนโยบาย วงจรชีวิต, ความเท่าเทียมทางเพศ และหน้าที่ส่งเสริมสิทธิและผลประโยชน์ ในขณะที่หน่วยงานจัดหางานสตรีจะถูกโอนไปยังกระทรวงการจ้างงาน และแรงงานเพื่อให้การสนับสนุนการจ้างงานแบบบูรณาการ

นโยบายพหุวัฒนธรรมจะถูกโอนไปยังสำนักงานใหญ่ความเท่าเทียมทางเพศของประชากรและครอบครัว ซึ่งคาดว่าแผนกต่างๆ เช่น “แผนกนโยบายพหุวัฒนธรรม” จะถูกสร้างขึ้นในสำนักงานใหญ่แห่งนี้

จัดตั้งสำนักงานชาวเกาหลีโพ้นทะเล, สนับสนุนชาวจีนเชื้อสายเกาหลีและชาวโค-รยออีกด้วย?

อีกสิ่งหนึ่งที่โดดเด่นในการปรับโครงสร้างรัฐบาลครั้งนี้คือ การจัดตั้งสำนักงานชาวเกาหลีโพ้นทะเลภายใต้กระทรวงการต่างประเทศ จะมีการจัดตั้งหน่วยงานเฉพาะเพื่อดูแลนโยบายของชาวเกาหลีโพ้นทะเลจำนวน 7.32 ล้านคน

สำนักงานชาวเกาหลีโพ้นทะเลจะรวมหน้าที่ของนโยบายชาวเกาหลีโพ้นทะเลของกระทรวงการต่างประเทศเข้ากับหน้าที่ทางธุรกิจของมูลนิธิชาวเกาหลีโพ้นทะเล

อย่างไรก็ตาม วัตถุประสงค์ของสำนักงานชาวเกาหลีโพ้นทะเลคือการสนับสนุนชาวเกาหลีโพ้นทะเลที่อาศัยอยู่ในเกาหลีและย้ายไปอาศัยอยู่ ในต่างประเทศ

มีความกังวลอย่างมากว่าจะดำเนินนโยบายสำหรับชาวจีนเชื้อสายเกาหลีและชาวเกาหลีที่อาศัยอยู่ในจีนและรัสเซียหลังจากยุคอาณานิคม

ของญี่ปุ่นอย่างไร เพราะถึงแม้จะเป็นเพื่อนร่วมชาติเดียวกัน แต่นิสัยก็แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

การจัดตั้งสำนักงานผู้ย้ายถิ่นซึ่งเดิมได้มีการพูดคุยกันนั้น ถูกละเว้นจากแผนการปรับโครงสร้างองค์กรนี้ ซึ่งเป็นเรื่องน่าเสียดาย

นักข่าว ซง ฮาซอง