기사한줄요약
게시물 내용
‘ศูนย์กฎหมายเพื่อสาธารณะประโยชน์
Apil’ ซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางกฎหมายเพื่อปกป้องสิทธิมนุษยชนของผู้ย้ายถิ่น
ได้เริ่มการรณรงค์ลงนามเพื่อเรียกร้องให้มีการแก้ไข ‘มาตรา 63 วรรค 1 ของพระราชบัญญัติควบคุมคนเข้าเมือง’ ซึ่งอนุญาตให้ชาวต่างชาติ
ถูกคุมขังในสถานคุ้มครองชาวต่างชาติได้อย่างไม่มีกำหนด
ผ่านการแจ้งเตือนแคมเปญที่เผยแพร่บนเว็บไซต์
Apil กล่าวว่า “มีสถานที่ดังกล่าวในเกาหลี จำเป็นต้องมีการปรับปรุงสถานคุ้มครอง
ชาวต่างชาติที่คุมขังผู้คนได้อย่างง่ายดายและไม่มีกำหนด เพียงเพราะพวกเขาเป็นชาวต่างชาติ,
คุมขังผู้คนตามอำเภอใจ และแม้กระทั่ง ความตาย” และได้เรียกร้องให้มีการลงนามในการแก้ไขมาตรา
63 วรรค 1 ของพระราชบัญญัติควบคุมคนเข้าเมือง
มาตรา
63 วรรค 1 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมคนเข้าเมืองฉบับปัจจุบัน กำหนดว่า หากชาวต่างชาติซึ่งถูกสั่งให้เนรเทศออกไปนอกประเทศ
ไม่ได้ในทันที เพราะไม่มีหนังสือเดินทางหรือไม่สามารถเดินทางได้ ก็จะได้รับความคุ้มครองในสถานคุ้มครอง
จนกว่าจะส่งกลับประเทศได้
ไม่มีกำหนดระยะเวลาในบทบัญญัตินี้
จึงสามารถคุมขังอย่างไม่มีกำหนดได้ ด้วยเหตุนี้ Apil
เชื่อว่าการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อชาวต่างชาติ สามารถทำได้ในสถานคุ้มครอง
ข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ
(UNHCR) และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้แนะนำว่าควรปรับปรุงบทบัญญัติดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม
ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยแล้วว่าบทบัญญัติดังกล่าวไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญถึงสามครั้ง
เนื่องจากบุคคลที่ถูกเนรเทศสามารถหลบหนีจากการคุ้มครองเมื่อใดก็ได้
โดยสมัครใจเดินทางออกนอกประเทศ จึงเป็นข้อกำหนดที่จำเป็น ในการรับรองความมั่นคงของชาติ·รักษาความสงบเรียบร้อย
และส่งเสริมสวัสดิการสาธารณะด้วยการควบคุมและประสานงานการย้าย ถิ่นฐานและการพำนักของชาวต่างชาติอย่างเหมาะสม
เจ้าหน้าที่จาก
Apil กล่าวว่า “แม้ว่าที่สถานคุ้มครองชาวต่างชาติจะเรียกว่า ‘สถานคุ้มครอง’ แต่ที่จริงแล้วดำเนินการในลักษณะเดียวกันกับ
เรือนจำ” และชี้แนะว่า “ในระหว่างการควบคุมตัว ชาวต่างชาติส่วนใหญ่ต้องทนทุกข์ทรมานจากความเครียดและความเจ็บป่วย
ทางร่างกายและจิตใจที่รุนแรง”
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
คิม เซจิน ทนายความของ Apil กล่าวว่า
“หลังจากบรรลุเป้าหมาย 10,000 ลายเซ็นแล้ว
วางแผนที่จะขอให้รัฐบาลแก้ไข เพิ่มเติมเพื่อระบุระยะเวลาการคุมขังสูงสุด”และเผยว่า
“ในขณะเดียวกัน ก็จำเป็นต้องพิจารณาอย่างสมเหตุสมผลว่าจะรับเด็กย้ายถิ่นที่ เป็นผู้เยาว์หรือไม่
และชาวต่างชาติที่ไม่จำเป็นต้องถูกคุมขัง เช่น ชาวต่างชาติที่ไม่กลัวการหลบหนีหรือผู้ที่ต้องการการรักษา
และจะเรียกร้อง ขั้นตอนการตรวจสอบภายนอกเพื่อป้องกันการละเมิดสิทธิมนุษยชนภายในสถานคุ้มครอง”
การรณรงค์ลงนาม
ซึ่งเริ่มเมื่อปลายเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา มีผู้เข้าร่วมไปแล้วกว่า 1,800 คน
ลิงค์ลงนาม: https://www.campaigns.kr/campaigns/560
นักข่าว ซง ฮาซอง
댓글
0