การแพร่กระจายของ ‘โอไมครอน’ รุนแรงกว่าเดลต้า

การกลายพันธุ์ของการติดเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์ใหม่(โควิด-19) ‘โอไมครอน’ (B.1.1.529) ได้แพร่กระจายในแอฟริกาใต้ ทำให้เกิดภาวะ ฉุกเฉินไปทั่วโลก

ประเทศหลักๆ เร่งรีบควบคุมการเดินทางเข้ามาของนักท่องเที่ยวจากแอฟริกาใต้และภูมิภาคใกล้เคียง

เนื่องจากเพื่อป้องกันการระบาดใหญ่ที่เกิดจากการไหลเข้าจากการกลายพันธุ์ของเดลต้าที่มาจากอินเดียเมื่อฤดูร้อนปีที่แล้ว จำเป็นต้องสกัด การเข้าประเทศอย่างรวดเร็วจากภูมิภาคที่มีการรายงานการกลายพันธุ์ใหม่

เกาหลีใต้ยังได้กำหนดข้อจำกัดการเดินทางและข้อจำกัดการเข้าประเทศสำหรับประเทศในแอฟริกา

สำนักงานใหญ่กักกันกลางจัดประชุมประเมินสถานการณ์การไหลเข้าฉุกเฉินในต่างประเทศกับ 13 กระทรวง รวมถึงกระทรวงที่ดิน โครงสร้าง พื้นฐานและการขนส่งในวันที่ 27  ด้วยวิธีนี้ ได้ตัดสินใจที่จะตอบสนองต่อ 8 ประเทศ รวมทั้งประเทศที่กำเนิดโอไมครอน และประเทศ เพื่อนบ้าน กับแอฟริกาใต้, บอตสวานา,ซิมบับเว, นามิเบีย, เลโซโท, เอสวาตินี, โมซัมบิก และมาลาวี

ด้วยเหตุนี้ ตั้งแต่วันที่ 28 พฤศจิกายน ชาวต่างชาติทั้งหมดที่เข้าเกาหลีจาก 8 ประเทศ รวมทั้งแอฟริกาใต้ จะถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าประเทศ ไม่ว่าพวกเขาจะฉีดวัคซีนหรือไม่ก็ตาม พวกเขาจะถูกกักตัวที่สถานบริการเป็นเวลา 10 วัน และตรวจหาการติดเชื้อ

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายนที่ผ่านมา องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้จำแนกการกลายพันธุ์ของไวรัสโควิดสายพันธุ์ใหม่ (B.1.1.529) ที่พบในแอฟริกาใต้เป็น ‘สายพันธุ์ที่น่ากังวล’(variant of concern) และตั้งชื่อให้เป็นตัวอักษรตัวที่ 15 ของตัวอักษรกรีก ถูกกำหนดเป็น ‘โอไมครอน’(o·Omicron)

ปัจจุบัน สายพันธุ์ที่น่ากังวลมีอยู่ 5 สายพันธุ์ ได้แก่ อัลฟา, เบต้า, แกมมา, เดลต้า และโอไมครอน

การกลายพันธุ์ของโอไมครอนมักพบในแอฟริกาใต้ และมีรายงานผู้ติดเชื้อที่เกี่ยวข้องในบอตสวานาและฮ่องกง พบว่าการกลายพันธุ์ของ โอไมครอนมีการกลายพันธุ์ทางพันธุกรรมถึง 32 ตำแหน่ง ในโปรตีนบนส่วนหนามที่ส่งผลต่อพลังการขยายพันธุ์ การกลายพันธุ์ของเดลต้ามี 16 ตำแหน่ง ด้วยเหตุนี้ นักวิทยาศาสตร์จึงมีความกังวลว่าการกลายพันธุ์ครั้งใหม่อาจมีพลังการขยายพันธุ์สูงเท่ากับการกลายพันธุ์ของ เดลต้าที่มีอยู่

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การกลายพันธุ์ของโอไมครอนดูเหมือนจะมีทั้งการแพร่เชื้อสูงและหลีกเลี่ยงการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันของวัคซีน ด้วยเหตุนี้จึงคาดการณ์ว่าวัคซีนโควิดที่มีอยู่จะไม่มีประสิทธิภาพ

เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เริ่มต้นด้วยสหราชอาณาจักรและอิสราเอล 27 ประเทศ สมาชิกสหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริการวมถึง ประเทศหลักๆ ในเอเชียและแปซิฟิก เริ่มปิดกั้นนักท่องเที่ยวจากแอฟริกาใต้และภูมิภาคใกล้เคียง ประเทศในเอเชียแปซิฟิกกำลังดำเนิน มาตรการเพื่อสกัดกั้นแนวโน้มนี้

นักข่าว ซง ฮาซอง