기사한줄요약
게시물 내용
สวัสดีค่ะ? ดิฉันชื่อริตา ดิฉันมาจากประเทศไทยตอนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ดิฉันมาเกาหลีเพราะพ่อแม่เป็นมิชชันนารี และครอบครัวเราทั้ง 5 คน มาพร้อมกัน อาจเป็นเพราะดิฉันมาที่นี่เมื่อตอนที่ยังเป็นเด็ก ดิฉันจึงจำเรื่องราวที่เกิดขึ้นในประเทศไทยได้ไม่มากนัก <คนที่ 2 จากซ้ายคือคุณริตา. Papaya Story>
ชีวิตในโรงเรียนประถม - การเรียนภาษาเกาหลี
ดิฉันมาเกาหลีและเข้าเรียนที่โรงเรียนประถมวอนิล
ดิฉันเรียนภาษาเกาหลีแยกกันในชั้นเรียนที่โรงเรียนประถมวอนิล มันค่อนข้างเหนื่อย แต่ดิฉันคิดว่าดิฉันผ่านมันมาได้
ดิฉันมัวแต่เรียนภาษาเกาหลีและปรับตัว ก็เลยไม่ได้สนุกกับชีวิตในโรงเรียน แม้แต่เพื่อนๆ
ก็ไม่รู้จัก เลยไม่มีใครเล่นด้วย
ตั้งแต่
ป.4 เป็นต้นไป ดิฉันพอปรับตัวได้บ้างและได้รู้จักเพื่อนมากมาย ตอนที่ดิฉันอยู่มัธยมต้น
พูดตามตรงมีหลายสิ่งที่เสียดายเพราะดิฉัน เป็นคนเรียบร้อย ดิฉันไม่มีความทรงจำมากมายในสมัยเรียนเลย
ตอนนั้นดิฉันต้องปรับตัวและไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร และถ้าจะปรับตัว ให้เข้ากับเกาหลี
ต้องพูดภาษาเกาหลีให้ได้ก่อน ถึงจะทำในสิ่งที่อยากทำหรือไม่ทำ ดิฉันก็เลยเรียนภาษาเกาหลีอยู่ตลอดเวลา
แม้แต่ตอนที่ดิฉันอยู่มัธยมต้น
การสะกดคำและการออกเสียงก็ค่อนข้างลำบาก แต่ตอนนั้นดิฉันกำลังเล่นละครเวทีอยู่ ดิฉันคิดว่าภาษาเกาหลี
ของดิฉันพัฒนาขึ้นมากเมื่ออ่านและจดจำสคริปต์ทุกวัน และปรับปรุงการออกเสียงและน้ำเสียง
ดิฉันมีช่วงเวลาที่ยากลำบากในเวลานั้น จากบ้านไปโรงเรียน 1 ชั่วโมง และต้องนั่งรถบัสไปกลับ 2 ชั่วโมง เพื่อไปโรงเรียนประถมคนเดียว สมัยนั้นไม่มีโรงเรียนที่รับชาวต่างชาติ แต่ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว สมัยนั้นไม่มีครูคอยช่วยเหลือชาวต่างชาติ ครูประจำชั้นต้องดูแลเพื่อนร่วมชั้น ทุกคน ดิฉันจึงไม่คิดว่าท่านจะมีเวลาดูแลนักเรียนจากต่างประเทศ
ชีวิตในโรงเรียนมัธยมต้น - การหาเพื่อน
ดิฉันเรียนรู้จากชีวิตทางสังคมมากกว่าการเรียนภาษาเกาหลี
ดิฉันคิดว่าดิฉันเข้าหาผู้คนก่อน เมื่อตอนเด็กดิฉันดูเหมือนคนต่างชาติ โดยสมบูรณ์ และถูกล้อบ่อยเพราะดิฉันมีผมสั้นและผิวคล้ำ
มันเหนื่อยมากๆ ดิฉันไม่รู้ว่าจะพูดอะไรหรือจะทำอะไร ทั้งที่รู้ว่าถูกรังแก แต่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย
ดิฉันจึงอดทนและพยายามเข้าหาเพื่อนๆ ก่อน ดิฉันคิดว่าเพื่อนๆ ค่อยๆ เข้าหาดิฉันราวกับว่าพวกเรา
เป็นเพื่อนกันตั้งแต่แรก ไม่รู้ว่าเพราะเรื่องแบบนี้หรือเปล่าที่ทำให้ดิฉันโตเร็วตั้งแต่เด็กๆ
อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้
ดิฉันไปโรงเรียนประถมที่อยู่ไกล พอดิฉันไปโรงเรียนมัธยมต้นใกล้บ้านดิฉันก็เลยไม่มีเพื่อน
ดิฉันคิดว่าจะต้อง ตั้งใจเรียนแล้วตอนนี้ ก็เลยตั้งใจเรียนจนถึงปีที่ 2 อย่างสงบเสงี่ยม ดิฉันพยายามอย่างมากกับการเขียนเพื่อให้ทันกับชั้นเรียน
ถึงอย่างนั้น ก็ตามดิฉันก็ไม่สามารถเรียนทันได้ ดิฉันจึงเลิกเรียนตอนม.3 โดยคิดว่าเรียนไม่ได้
และดิฉันต้องเรียนมัธยมปลายสายศิลปะและกีฬา
ฐานะความเป็นอยู่ของครอบครัวดิฉันไม่ค่อยดีจึงไม่ได้เรียนพิเศษ และไม่มีที่ให้ความช่วยเหลือ ดิฉันไม่รู้ว่าข้อสอบจะออกมาเป็นยังไง แต่มันง่ายกว่าเพราะดิฉันสามารถเตรียมตัวสำหรับการประเมิณผลการดำเนินการได้ ดังนั้นดิฉันจึงเตรียมตัวอย่างหนักสำหรับการประเมิณ ผลการดำเนินการและคะแนนผลการเรียนก็ดีขึ้นด้วย
ชีวิตในโรงเรียนมัธยมปลาย-การเลือกอาชีพ
เพื่อนชาวเกาหลีของส่วนใหญ่ไปเรียนร.ร.มัธยมปลายทั่วไป
แต่เพื่อนต่างชาติไม่สามารถเรียนร.ร.มัธยมปลายทั่วไปได้เพราะมันยาก เริ่มตั้งแต่คาบที่
1 จนถึงคาบที่ 8, 9 เป็นรายวิชาทั่วไปทั้งหมดจึงยากต่อการติดตาม มีหลายวิชามาก ตอนสอบก็ลำบาก
และจัดการคะแนน ผลการเรียนได้ยากมาก เลยแนะนำให้ไปเรียนมัธยมปลายเฉพาะทาง
ดิฉันเรียนวิชาทั่วไปในโรงเรียนมัธยมปลายเฉพาะทาง
แต่เนื่องจากดิฉันเรียนวิชาเฉพาะเพียงไม่กี่วิชา จึงง่ายที่จะตามทัน และดิฉันสามารถ
จัดการคะแนนผลการเรียนได้ดี ดังนั้นเมื่อดิฉันไปเรียนที่มหาวิทยาลัยก็ถือว่าไม่แย่ไป
ดิฉันอยากจะแนะนำให้คุณเลือกวิชาเอกที่สนใจใน โรงเรียนมัธยมปลายเฉพาะทางและเลือกคณะ
อย่างไรก็ตาม
การเข้าโรงเรียนมัธยมปลายเฉพาะทางก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องมีคะแนนและสมุดรายงานผลการเรียนมากกว่าเท่าไหร่ถึงจะไปได้
คะแนนของดิฉันอยู่ที่ประมาณ 140 คะแนน ดังนั้นตอนแรกดิฉันจะไปแผนกการออกแบบแฟชั่นที่โรงเรียนมัธยมปลายออกแบบ
และวัฒนธรรมแต่ไม่ผ่าน ความหวังสุดท้ายของดิฉันคือเข้าเรียนที่วิทยาลัยเทคนิคอันซาน
นั่นเป็นความเห็นส่วนตัวของดิฉัน
ถ้าดิฉันเรียนในโรงเรียนมัธยมปลายทั่วไป ดิฉันคงไม่มีโอกาสที่จะรู้ว่าตัวเองชอบอะไร
เพราะต้องเรียน หนังสืออย่างเดียว โรงเรียนมัธยมปลายเฉพาะทางที่ดิฉันเข้าเรียนมีรายวิชาทั่วไปเพียง
4 วิชา ในปีที่ 3 ได้แก่ ภาษาเกาหลี, ภาษาอังกฤษ และคณิตศาสตร์ และที่เหลือก็เป็นวิชาเอกทั้งหมด
ดิฉันมีช่วงเวลาที่ดีจริงๆในโรงเรียนมัธยมปลาย ไม่ใช่ปัญหาใหญ่และเป็นเพียงวิชาเอกที่ดิฉันชอบ สำหรับวิชาเอกของดิฉัน ดิฉันสนุกกับ การเรียนวิชาที่เลือกและทำสิ่งต่างๆ เช่น วาดภาพและออกแบบ และให้คะแนนตามนั้น ไม่รู้ว่าเป็นเพราะวิชาเอกที่ชอบหรือเปล่า ดิฉันก็เลยใช้เวลาอย่างสนุก
ชีวิตในมหาวิทยาลัย - ความกังวลอย่างต่อเนื่อง
สิ่งนี้ยังคงดำเนินต่อไปในชีวิตมหาวิทยาลัยของดิฉัน ข้อดีคือดิฉันออกแบบเมื่อตอนที่อยู่โรงเรียนมัธยมปลายเฉพาะทาง ดิฉันเรียนรู้มาก่อน แล้ว จึงทำได้ดีขึ้นแม้หลังจากที่ดิฉันไปเรียนที่มหาวิทยาลัยแล้ว ดิฉันเคยเรียนมาก่อนแล้ว เมื่อเทียบกับเด็กคนอื่นๆ จึงเก่งกว่านิดหน่อย อาจจะสะดวกกว่าเล็กน้อยในการเลือกมหาวิทยาลัยเนื่องจากสาขาศิลปะและการกีฬา ถ้าเป็นพยาบาลศาสตร์หรือวิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ดิฉันคิดว่าอาจจะตามไม่ทัน
เมื่อเป็นผู้ใหญ่
ดิฉันก็กังวลว่าจะอยู่ที่ไหนตอนนี้เป็นเวลาที่ต้องตัดสินใจ ก่อนอื่นเลยภาษาของประเทศไหนที่ดิฉันพูดได้ดีกว่ากัน
ดิฉันกำลัง คิดว่าจะสามารถหาเลี้ยงชีพได้จริงหรือไม่เมื่อกลับไปประเทศไทย หรือดิฉันจะสามารถกลับไปทำงานด้วยวิชาเอกที่มีในตอนนี้ได้ดีจริง
ๆ
เขียนโดย “ริตา” ศูนย์เยาวชนนานาชาติเมืองอันซาน ค่ายเส้นทางอาชีพของเยาวชนที่มีภูมิหลังจากการย้ายถิ่น ทอล์คโชว์ไมตรีจิต
댓글
0