อาร์มี่ช็อก! ‘บีทีเอส’ ประกาศพักวงอย่างเป็นทางการ สมาชิกมุ่งทำงานเดี่ยวของตัวเอง

<matichon>หลังจาก ‘บีทีเอส’ หรือ บังทันโซนยอนดัน บอยแบนด์เกาหลี ชื่อดังระดับโลก ซึ่งประกอบด้วย คิม นัมจุน (อาร์เอ็ม), คิม ซอกจิน, มิน ยุนกิ (ชูก้า), จอง โฮซอก (เจโฮป), ปาร์ค จีมิน, คิม แทฮยอง (วี) และ จอน จองกุก ได้ปล่อยเพลง Yet To Come พร้อมเปิดตัวอัลบั้มใหม่ Proof เพื่อทบทวนคุณค่า และหวนระลึกถึงการทำงาน ตลอดระยะเวลาเดบิวต์ 9 ปี

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 10 มิถุนายน ที่ผ่านมา ตามเวลาในประเทศไทย ออกมาให้แฟนๆ ติดตามกันแล้ว ซึ่งเพียงไม่กี่ชั่วโมง ก็ทะยานยึดอันดับหนึ่งใน iTunes ไปกว่า 50 ประเทศทั่วโลก และทำยอดขายอัลบั้มทะลุ 2 ล้านชุดในวันเดียวได้อีกครั้ง

ขณะเดียวกัน นับเป็นการกลับมาครั้งแรกในรอบ 11 เดือน หลังจากที่หนุ่มๆ บีทีเอส เคยฝากผลงานเพลงที่ฮิตติดหูไปทั่วโลกกับเพลง Butter (2021), Permission to Dance (2021), Dynamite (2020), Boy With Luv (2019) และเพลงอื่นๆ อีกมากมาย

แต่ล่าสุด วันนี้ (14 มิถุนายน) ระหว่างช่วงรายการ BTS Festa 2022 พวกเขาได้ประกาศว่า จะขอไปพักงานอย่างไม่มีกำหนด เพื่อไปโฟกัสผลงานเดี่ยวของตัวเองแทน กลายเป็นข่าวช็อกสำหรับกลุ่มแฟนคลับอาร์มี่ ทั่วโลก

โดยลีดเดอร์ของวงอย่าง ‘อาร์เอ็ม’ เผยว่า แม้ที่ผ่านมา บีทีเอสจะประสบความสำเร็จมากมาย แต่สมาชิกทุกคนยังต้องเติบโต และพัฒนาตัวเอง ทั้งในฐานะศิลปิน และมนุษย์คนหนึ่ง พร้อมบอกอีกว่า

“คิดมาเสมอว่า บีทีเอสแตกต่างจากวงอื่นๆ แต่ปัญหาของอุตสาหกรรมเค-ป็อป และระบบไอดอลไม่ให้โอกาส ให้แต่ละคนได้เติบโต แต่ขณะเดียวกัน คุณก็ต้องปล่อยผลงานเพลง หรือผลิตอะไรออกมาตลอดเวลา เพื่อหล่อเลี้ยงกระแสนิยมของตัวเอง”

ด้าน ‘เจโฮป’ ที่กำลังจะเป็นศิลปินเกาหลีใต้คนแรกที่ได้ขึ้นแสดงเทศกาลดนตรี Lollapalooza ในฐานะศิลปินเฮดไลเนอร์ (Headliner) พูดเพิ่มเติมว่า “คิดว่าเราต่างต้องไปใช้ชีวิตเป็นของตัวเอง และเรียนรู้ว่า เราจะกลับมาใช้ชีวิตร่วมกันในฐานะวงดนตรีแบบเป็นหนึ่งเดียวกันได้อย่างไร ซึ่งหวังว่า ทุกคนจะไม่มองการพักงานครั้งนี้เป็นสิ่งไม่ดี แต่มองว่า เป็นสิ่งที่ช่วยทำให้บีทีเอสแข็งแกร่งขึ้นในอนาคต”

ขณะที่ ‘ชูก้า’ บอกว่า เหล่าอาร์มี่อย่าได้กังวล เพราะบีทีเอสไม่ได้แยกวงแน่นอน ส่วน ‘จองกุก’ กล่าวว่า พวกเราต่างต้องการเวลา เพื่อสั่งสมประสบการณ์ให้มากยิ่งขึ้น แต่เราสัญญาว่า จะกลับมาร่วมตัวกันอีกครั้ง และเป็นผู้ใหญ่ที่ดีขึ้นมากกว่าเดิม

ที่มา - https://www.matichon.co.th/social/news_3400499