기사한줄요약
게시물 내용
ในเกาหลีมีคำกล่าวที่ว่า “ไม่มีการทำธุรกรรมทางการเงินระหว่างพี่น้องหรือระหว่างพ่อแม่และลูก” แม้ว่าจะเป็นเพียงการให้ แต่ก็เป็นการดีกว่า ที่จะไม่ทำธุรกรรมทางการเงิน แม้ว่าจะได้รับคืนเพราะสิ่งนี้จะเหลือบาดแผลไว้ในภายหลัง ผู้อยู่อาศัยชาวต่างชาติยังทำธุรกรรมทางการเงินจำนวนมากอย่างคาดไม่ถึง <รูปภาพแสดงให้เห็นแรงงานชาวต่างชาติกำลังขึ้นรถบัสธุรกรรมทางการเงินของธนาคารฮานา. Papaya Story> หากเกิดปัญหาขณะทำธุรกรรมทางการเงินในเกาหลี ท่านจะต้องขอคำตัดสินของศาลเกาหลีในตอนท้าย ดังนั้นมาพิจารณากันว่ามีข้อควรระวังอะไรบ้าง
ความแตกต่างระหว่างเงินกู้กับเงินลงทุน: ผู้ให้ยืมเงินเรียกว่าเจ้าหนี้ และบุคคลที่ยืมเงินเรียกว่าลูกหนี้
ธุรกรรมประเภทนี้เรียกว่า “สินเชื่อเพื่อการบริโภค (เงินกู้)” กุญแจสำคัญในการทำธุรกรรมนี้คือเงินที่มอบให้นั้นถูกยืมหรือลงทุนหรือไม่
หากเป็นการยืมเงิน แน่นอนว่าต้องชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ย และหากเป็นเงินที่ลงทุนไป
ก็ไม่จำเป็นต้องชำระคืนเงินต้นนี่เป็นสิ่งสำคัญเพราะ เมื่อมีการฟ้องคดีในการกู้ยืมเงิน
ลูกหนี้อาจอ้างว่าเป็นเงินลงทุนไม่ใช้เงินกู้ยืม
เวลาให้ยืมเงินต้องกรอกเอกสารระบุชัดเจนว่าเป็นเงินลงทุนหรือเงินกู้
หากได้ลงทุนไปแล้วต้องเขียน “สัญญาการลงทุน” หรือหากได้กู้ยืมเงิน จะต้องกรอก “เอกสารการยืมเงิน”
หากไม่สามารถเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรได้ โปรดบันทึกเป็นข้อความหรืออัดเสียง ในเกาหลีมีคน
จำนวนมากที่คิดว่าจำเป็นต้องมีเพียงประวัติการโอนเงินผ่านสมุดบัญชีธนาคารเท่านั้น แต่โปรดระวังเนื่องจากเป็นกรณีที่ไม่ถือว่าเป็นเงินกู้ยืม
ความจำเป็นในการจัดหาหลักประกัน: เมื่อให้กู้ยืมเงิน ควรพิจารณาวิธีเก็บรักษาให้ปลอดภัย
โดยคิดก่อนว่าสามารถถูกโกงได้ กล่าวคือ หากไม่มีหลักประกันเพียงพอ (โดยปกติไปที่สำนักงานทนายความเพื่อทำการจำนองอสังหาริมทรัพย์ของลูกหนี้)
ก็มีความเป็นไปได้ที่เงินต้นจะไม่ถูกคืน ดังนั้นจึงจำเป็นต้องพิจารณาการให้กู้ยืมเงินใหม่
ชาวต่างชาติไม่คุ้นเคยกับกฎหมายภายในประเทศ
ดังนั้นขอแนะนำให้ขอคำปรึกษาจากทนายความเสมอเมื่อต้องทำธุรกรรมทางการเงิน จำนวนมาก
การฟ้องคดีเงินกู้และการรับรองตั๋วสัญญาใช้เงิน: หากลูกหนี้ไม่ชำระเงินภายในระยะเวลาที่กำหนด ภายหลังได้ยื่นฟ้องต่อศาลแล้ว
เจ้าหนี้ต้องได้คำพิพากษาและดำเนินการบังคับคดีในทรัพย์สินของลูกหนี้ ท่านต้องชำระค่าใช้จ่ายในการฟ้องคดีและใช้เวลาประมาณ
10 เดือน ต้องใช้เวลาและความพยายามอย่างมากในการรับเงินที่ตนเองให้ยืม
มีวิธีบังคับทรัพย์สินของลูกหนี้ได้ทันทีโดยไม่ต้องผ่านความพยายามเหล่านี้
นั่นคือเมื่อให้ยืมเงิน ท่านต้องไปที่สำนักงานทนายความ ใกล้กับศาลพร้อมกับลูกหนี้เพื่อรับ
“การรับรองตั๋วสัญญาใช้เงิน”
จากนั้นเมื่อลูกหนี้ไม่ชำระเงินในภายหลัง ก็สามารถบังคับคดีได้ทันที โดยไม่ต้องยื่นฟ้องคดีต่างหาก
พระราชบัญญัติจำกัดดอกเบี้ย: ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ปี 2021 ดอกเบี้ยสูงสุดที่สามารถรับได้สำหรับเงินกู้
100,000 วอนขึ้นไป ตั้งไว้ที่ ไม่เกิน 20% ต่อปี หากเกินอัตราส่วนข้างต้นจะถือว่าเป็นโมฆะและอาจถูกลงโทษทางอาญา
โดยดอกเบี้ยส่วนเกินที่ชำระแล้วสามารถ ขอคืนเงินได้
ในบางครั้ง
ชาวต่างชาติก็ยืมเงินผ่านผู้ให้กู้ที่ไม่ได้ลงทะเบียนด้วย สิ่งนี้กำลังกลายเป็นปัญหาสังคม
เช่น เรียกร้องดอกเบี้ยมหาศาลเกิน 20% ต่อปี
และมีการข่มขู่หากไม่ชำระเงินคืน จึงไม่แนะนำให้ทำธุรกรรมทางการเงินกับกลุ่มดังกล่าว
การฟ้องในข้อหาฉ้อโกง: ถ้าลูกหนี้ไม่คืนเงินให้จนครบ
และไม่มีทรัพย์สินพิเศษในชื่อลูกหนี้ วิธีสุดท้ายที่จะได้เงินคืนคือฟ้องในข้อหา ฉ้อโกง
หากลูกหนี้ไม่มีความประสงค์จะชำระคืนเงินกู้ในอนาคตหรืออาจล่วงรู้ถึงพฤติการณ์ที่ไม่สามารถชำระหนี้ได้ก็อาจถูกฟ้องใน
ข้อหาฉ้อโกงและลงโทษทางอาญาได้
ให้คำปรึกษาทางกฎหมายสำหรับผู้อยู่อาศัยชาวต่างชาติ
ที่ ‘Papaya
Story ศูนย์ช่วยเหลือวีซ่าทางกฎหมายในการใช้ชีวิต’ หรือ ‘สำนักงานกฎหมาย
(ยูฮัน) มิน’
Papaya
Story ภาษาไทย 010-4823-8821/ สำนักงานกฎหมาย (ยูฮัน) มิน ‘ทีมสนับสนุนการให้คำปรึกษาทางกฎหมายคนเข้าเมือง’
02-3477-5550
댓글
0