기사한줄요약
게시물 내용
สวัสดีค่ะ
ดิฉันชื่อโฮซูจิน มาจากเมืองโฮจิมินห์ทางตอนใต้ของเวียดนาม ดิฉันเกิดและเติบโตในชนบทที่ยากจนของเมืองโฮจิมินห์
ครอบครัวของดิฉันลำบากทางการเงินและมีพี่น้องหลายคน ดิฉันเป็นลูกคนที่ 8 ในพี่น้องทั้งหมด 10 คน มีพี่สาวและพี่ชาย
7 คน กับน้องสาว
2 คน <รูปภาพ = Papaya Story>
อาจเป็นเพราะว่าดิฉันมีพี่น้องหลายคน
ดิฉันจึงโตเร็ว และดิฉันรับรู้ตั้งแต่ยังเป็นเด็กว่าครอบครัวของเราอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก
เลยคิดว่าควรตั้งใจเรียน และเรียนให้จบจะได้ช่วยเหลือพ่อแม่ ด้วยเหตุนี้ดิฉันจึงใฝ่ฝันที่จะมาเกาหลีเพื่อหาเงิน
และสุดท้ายก็มาที่เกาหลี ในฐานะแรงงานต่างชาติ
การเปลี่ยนวีซ่าจาก
E-9 เป็น E-7
ตอนที่ดิฉันมาเกาหลีครั้งแรก
มันเหนื่อยมากเพราะอากาศและอาหารแตกต่างจากบ้านเกิดของดิฉัน และนี่เป็นครั้งแรกที่ดิฉันอยู่คนเดียว
ห่างไกลจากครอบครัว ดิฉันจึงคิดถึงบ้านเกิดและครอบครัวมาก
การอยู่คนเดียวในเกาหลีอันไกลโพ้นและการทำงานกะกลางคืน
ทำให้หัวใจและร่างกายของดิฉันป่วยด้วยความคิดถึง อย่างไรก็ตาม
ดิฉันมีความฝัน และในขณะที่ดิฉันอดทนกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก ดิฉันค่อยๆ คุ้นเคยกับการใช้ชีวิตในเกาหลี
พอชินกับการใช้ชีวิตในเกาหลีทีละเล็กทีละน้อย
ดิฉันก็คิดว่าควรใช้เวลานี้เรียนภาษาเกาหลี เพราะดิฉันทำงานกะกลางคืนในทำงาน และมีเวลาว่างช่วงกลางวัน
ดังนั้นดิฉันจึงไปที่ศูนย์ช่วยเหลือครอบครัวพหุวัฒนธรรมและเรียนภาษาเกาหลีอย่างขยันขันแข็ง
ต้องขอขอบคุณการเรียนภาษาเกาหลีอย่างหนัก
ดิฉันได้คะแนนที่ดีในการสอบ TOPIK และสามารถเปลี่ยนวีซ่าเป็น
E-7 ซึ่งเป็นวีซ่า การจ้างงานแบบมืออาชีพได้ ด้วยวีซ่านี้ทำให้สามารถอยู่ในเกาหลีได้นานขึ้น
แม้ว่าจะแต่งงานแล้วแต่ก็มีปัญหาอื่น
ๆ
ดิฉันไม่ได้คิดเรื่องแต่งงานมาสักระยะแล้ว
เพราะดิฉันต้องหาเงินไปเลี้ยงครอบครัวที่เวียดนาม แล้ววันหนึ่งดิฉันไปร้านทำผมเพื่อทำผม
และเจ้าของร้านทำผมบอกว่าเขาจะแนะนำดิฉันให้รู้จักกับคนดีๆ คนที่จะแนะนำเป็นลูกค้าประจำของเจ้าของร้าน
เขาเกิดปี 1985 อายุเท่ากันกับดิฉัน หลังจากนั้นไม่นานสามีของดิฉันก็ติดต่อมาว่าให้
มาเจอกัน และเราพบกันละแวกบ้าน ทานอาหารเย็นและไปร้านกาแฟ เพื่อพูดคุยกันมากขึ้น หลังจากเดทแรกแบบนี้ เราเริ่มคบกันโดยตั้งใจว่าจะแต่งงานกัน เราตกหลุมรักกันและแต่งงานกันหลังจากเจอกันได้
6 เดือน เนื่องจากดิฉันอาศัยอยู่คนเดียวห่างจากครอบครัวเป็นเวลานาน
ดิฉันตื่นเต้นและมีความสุขมากที่คิดว่าจะมีครอบครัวในเกาหลี แต่หลังจากแต่งงานแล้วมีเรื่องที่ยากลำบากเกิดขึ้นซึ่งแตกต่างออกไป
การสื่อสารเป็นเรื่องสำคัญ
เนื่องจากดิฉันเป็นชาวต่างชาติ
ดิฉันไม่เก่งภาษาเกาหลี ดังนั้นดิฉันคิดว่าดิฉันไม่เข้าใจสามีและแม่สามีว่าต้องการอะไร
มีหลายครั้งที่แม่สามี ไม่ชอบดิฉันเพราะความเข้าใจผิดและความเสียใจ ดิฉันพยายามอย่างหนักในแบบของตัวเอง
แต่มันแตกต่างจากลูกสะใภ้เกาหลี ดังนั้นดิฉัน จึงทะเลาะกับครอบครัวบ่อยมาก โดยเฉพาะทะเลาะกับสามีบ่อยครั้งเพราะเรามีแนวคิดเรื่อง
“การเลี้ยงลูก” และ “วิธีการศึกษา” ที่แตกต่างกัน
กล่าวกันว่าครอบครัวพหุวัฒนธรรมส่วนใหญ่มีความขัดแย้งทางความคิดเนื่องจากความแตกต่างทางภาษา, ขนบธรรมเนียม, และวิธีการ เลี้ยงดู ปัญหานี้ไม่ใช่แค่ปัญหาในครอบครัวของเราแต่เป็นปัญหาของครอบครัวพหุวัฒนธรรมทั้งหมด ดิฉันเลยคิดว่าควรเรียนภาษาเกาหลี ให้หนักขึ้น ดิฉันมั่นใจว่าถ้าเก่งภาษาเกาหลีการสื่อสารกับสามีหรือแม่สามีจะราบรื่นขึ้น จากนั้นเราจะเข้าใจกันและกันอย่างลึกซึ้งมากขึ้น และปัญหาที่เป็นเรื่องยากจะคลี่คลายไปทีละปัญหา
การใช้ชีวิตในเกาหลีที่มีความสุขมากยิ่งขึ้น
แม้ว่ามีช่วงขึ้นๆ
ลงๆ แต่ตอนนี้ครอบครัวของดิฉันอยู่กันอย่างมีความสุขกับสามี, ดิฉัน, และลูกอีก 2 คน
ในครอบครัวที่ปรองดองกัน บางครั้งดิฉันรู้สึกเศร้า แต่ถึงกระนั้นดิฉันก็ขอบคุณที่สามีและแม่สามีอยู่เคียงข้างเสมอและดูแลลูกสองคนที่มีค่าของดิฉันด้วยกัน
ความปรารถนาของดิฉันคือขอให้บ้านของเราเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและสุขภาพแข็งแรงอยู่เสมอ ดิฉันหวังว่าท่านทั้งหลายจะมีสุขภาพ แข็งแรง และมีความสุขเสมอเช่นกัน
댓글
0